บริษัท McKinsey ที่ปรึกษาชั้นนำของโลก ได้เผยข้อมูลและรายงานประมาณผลกระทบและการรับมือเอาไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่ง Papershipping ผู้ให้บริการ Shippingจีน หรือนำเข้าสินค้าจากจีน ได้หยิบยกมาบางประเด็น ที่อาจเกี่ยวเนื่องกับผู้ประกอบการในเมืองไทย

การชะลอตัวทั่วโลก

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน อย่างน้อยคือประหยัดมากขึ้น ส่งผลให้ GDP ลดการเติบโตทั่วโลกในปีนี้ ซึ่งการชะลอตัวที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้ มีผลต่อบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางอย่างรุนแรง รวมทั้งประเทศที่พัฒนาน้อยกว่าจะประสบกับวิกฤตนี้มากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ทุกภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบเท่ากันในสถานการณ์นี้ รวมไปถึงภาคบริการ ภาคการบิน การเดินทาง และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบหนักสุด

อย่างไรก็ตาม สายการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอาจได้รับผลหนักสุดในสถานการณ์นี้ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวพอดี แต่ผู้คนต้องเก็บตัวห้ามออกนอกประเทศ ขณะที่ความต้องการของสินค้าอุปโภคบริโภค ก็มีความต้องการที่ลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อบริษัท และซัพพลายเออร์ ที่ต้องทำธุรกิจด้วยเงินทุนหมุนเวียน ในขณะที่น้ำมันและก๊าซจะได้รับผลกระทบในทางลบ เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงลดต่ำลง และคาดว่าจะยาวนานไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี

ความท้าทายของห่วงโซ่อุปทาน

สำหรับบริษัททั่วโลก ช่วงที่สาหัสที่สุดคือ 10 สัปดาห์แรกช่วงการระบาดหนักของไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในประเทศจีน อันเป็นผลมาจากการปิดโรงงานในจีนช่วงไตรมาสแรกของปี ทำให้มีการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน แม้ว่าผลกระทบเต็มรูปแบบจะยังไม่ชัดเจน

ความสามารถบรรทุกสินค้า เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมขนส่งหรือแม้แต่ Shippingจีน เพื่อขนสินค้าจากโรงงานไปยังท่าเรืออยู่ที่ประมาณ 60% – 80% ของกำลังการผลิตปกติ เมื่อเกิดโรคระบาดครั้งนี้ ทำให้สินค้ามีการขนส่งล่าช้า 8-10 วันเพื่อไปยังท่าเรือ รวมทั้งส่งผลให้การขนส่งระหว่างประเทศจากจีนมาไทย พลอยล่าช้าลงไปด้วย

สิ่งที่ได้รู้เกี่ยวกับการระบาดของโรค

Covid-19 ได้ข้ามจุดเปลี่ยนในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2020 เนื่องจากการรายงานในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พบว่า ไวรัสโคโรนาได้กระจายความรุนแรงไปยังเอเชียตะวันออก (เกาหลีใต้และญี่ปุ่น) ตะวันออกกลาง (อิหร่าน) และยุโรปตะวันตก (อิตาลี) โดยรวมแล้วประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คิดโดยเฉลี่ยร้อยละ 40 ของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่สถานการณ์ในจีนเริ่มมีเสถียรภาพที่ดีขึ้น ด้วยบริการด้านสาธารณสุขที่ไม่ธรรมดา จีนจึงเป็นประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ก่อน แต่ผลกระทบต่อทั่วโลก อาจทำให้ชาวโลกรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน

ภูมิภาคที่ยังไม่เห็นการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของกรณีที่เกิดขึ้น เช่น อเมริกา แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเห็นการแพร่ไปยังชุมชนมากขึ้น เช่น การขยายของกลุ่มฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกาตะวันตก การรับรู้มากขึ้นเกี่ยวกับ Covid-19 รวมถึงเวลาเพิ่มเติมในการเตรียมตัวอาจช่วยสกัดการแพร่กระจายเหล่านี้ และจัดการกับสถานการณ์ของกรณีนี้ได้ อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่มีระบบสุขภาพไม่แข็งแรง จนอาจเกิดการแพร่เชื้อแบบทั่วไปได้มากกว่า

ธุรกิจการบินและท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบหนักสุด

ไม่น่าแปลกใจที่ภาคต่างๆ จะได้รับผลกระทบในระดับที่แตกต่างกัน เช่น การบิน การท่องเที่ยว และโรงแรม จะได้รับความต้องการลดลง รวมไปถึงสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งลูกค้าจะชะลอการใช้จ่ายตามความจำเป็น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดใหญ่ แต่ในที่สุดก็จะกลับมาซื้อสินค้าดังกล่าวในภายหลัง เมื่อความกลัวลดลงและความมั่นใจกลับคืนมา

ในสถานการณ์พื้นฐานและสถานการณ์อันเลวร้าย นอกจากบริษัทจะต้องเผชิญกับความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลงแล้ว ยังต้องรับมือกับความท้าทายของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งวิกฤตการณ์ Covid-19 ในครั้งนี้ ได้สะท้อนถึงความเข้มแข็งของทีมจัดซื้อและการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่หลายบริษัทต่างเน้นไปที่มาตรการเสถียรภาพชั่วคราว แทนที่จะย้ายห่วงโซ่อุปทานจากประเทศจีนไปยังที่อื่น สิ่งนี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการว่า เศรษฐกิจของจีนและอุตสาหกรรมต่างๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าและ Shippingจีน จะกลับมาผงาดขึ้นอีกครั้งในเร็ววัน