ชิปปิ้ง 4 ตัวช่วยธุรกิจ (ขนาดเล็ก) ไปได้ไกลในโลกออนไลน์

ชิปปิ้ง 4 ตัวช่วยธุรกิจ(ขนาดเล็ก)ให้เติบโตในโลกออนไลน์-papershipping ชิปปิ้ง ชิปปิ้ง 4 ตัวช่วยธุรกิจ (ขนาดเล็ก) ไปได้ไกลในโลกออนไลน์ 4                                                                                                                                papershipping 768x402

ชิปปิ้ง ธุรกิจที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังไม่ได้รับความนิยมเหมือนในปัจจุบัน  ในช่วงนั้นเป็นยุคที่มีธุรกิจขนาดเล็กในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) มากมายที่ค่อนข้างจะไปได้สวยเพราะลูกค้าต้องขับรถหรือเดินทางออกมาหาซื้อสินค้า 

แต่ปัจจุบันทุกคนมีสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ของตนเองในกระเป๋า ที่สามารถเข้าถึงโลกดิจิทัลได้อย่างง่ายดายและตลอดเวลา อีกทั้งสามารถซื้อทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มบนสมาร์ทโฟน (Smart Phone) โดยเฉพาะการซื้อของออนไลน์หรือการใช้บริการชิปปิ้งสินค้าจากจีนมาไทย

     ด้วยจำนวนกว่าร้อยละ 40 ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต (Internet) ทั่วโลก ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ของยุคดิจิทัล (Digital) ที่คุณควรคำนึงถึง ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตและบริโภคสินค้าของผู้คนเปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนจากการเดินตลาดห้างร้านมาเป็นการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เช่น การชิปปิ้งสินค้า การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศโดยใช้เทคโนโลยี ( Technology) เข้ามามีส่วนร่วม เป็นต้น ซึ่งทำให้ธุรกิจขนาดเล็กในตลาดเฉพาะกลุ่มต้องล้มเหลวแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ในทางกลับกันธุรกิจ Online กลับเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด สิ่งที่ตามมาคือคู่แข่งจำนวนมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อม การตัดราคากันในตลาดอย่างไม่ปราณีรวมทั้งคู่แข่งที่มีความรู้และศักยภาพมากกว่าในหลายด้าน ซึ่งถ้าหากคุณอยากจะโดดเด่นและเติบโตในโลก Online นอกจากสินค้าและบริการที่ควรมีจุดขาย ดูโดดเด่น มีเอกลักษณ์และมีความน่าสนใจแล้ว สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจของคุณได้รับความสนใจและมีการเข้าถึงมากยิ่งขึ้น ควรประกอบด้วย 4 ข้อดังต่อไปนี้

1.Graphic สวยสะดุดตา

     คุณจะมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่จะสร้างความประทับใจบน Website ของบริษัทและสื่อสารกับลูกค้าออนไลน์ (Online Customer) ว่า พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับอะไรจาก Website ของคุณ ซึ่งมันเป็นเวลาไม่กี่วินาทีที่รวดเร็วมาก แต่สำหรับบางคนอาจจะใช้เวลามากกว่านั้นเล็กน้อยเพื่อจะศึกษาธุรกิจของคุณว่าตอบโจทย์หรือน่าเชื่อถือหรือไม่ ดังนั้นคุณจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า Website เหล่านี้สามารถดึงดูดสายตาให้ผู้คนเข้ามาชม Website ของคุณและสามารถทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกซื้อหรือจะไม่ให้โอกาสบริษัทคุณเลยก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Graphic โทนสี หรือภาพประกอบต่าง ๆ ล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจทั้งสิ้น หรืออาจจะทำงานร่วมกับบริษัท Graphic Design ขนาดเล็กที่เป็นมืออาชีพ เพื่อสร้างสรรค์ Graphic คุณภาพให้กับธุรกิจของคุณ

2.Function บน Website ต้องดูง่าย ไม่ซับซ้อน

    เช่นเดียวกันกับภาพลักษณ์ Website ของบริษัทคุณ ราวร้อยละ 40 ของผู้ใช้งานออนไลน์ จะไม่สนใจ Website นั้นอีกต่อไปหากใช้เวลาโหลดนานเกิน 3 นาที ดังนั้น Function จึงเป็นสิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่ง ถ้าคุณมี Website ที่น่าสนใจมากที่สุดในจักรวาลดิจิทัล (Digital) แต่ถ้าหาก Function บน Website ของคุณทำงานไม่ถูกต้อง ผิดที่ผิดทาง มันก็ไม่แตกต่างจากการไม่มี Website เลย ดังนั้น Function ที่ Website ที่ดีควรมี เช่น สามารถรองรับการแสดงผลในทุกหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอโทรศัพท์หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดต่าง ๆ ระบบสั่งซื้อสินค้า (Order) ที่ง่ายต่อการจัดการ ระบบ Payment ที่ให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ง่ายและปลอดภัยและ Local Service สำหรับติดต่อเจ้าหน้าที่และให้คำปรึกษา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Website คุณภาพที่ขาดไม่ได้

3.เนื้อหาโดนใจ ทันสมัย และมีคุณค่า

     นอกจากงาน Graphic ต้องสวย ดูดีและดึงดูดสายตาของลูกค้าให้เข้ามาเยี่ยมชม Website แล้ว เนื้อหาหรือข้อมูลที่นำมาเขียนลงใน Website และ Social Media นั้น ก็ควรจะเป็นเนื้อหาที่มีความกระชับ ชัดเจน เข้าใจง่าย เป็นเรื่องทันสมัย ที่ให้ความรู้ใหม่ ๆ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างกับผู้อ่าน อาทิ ทำให้ลูกค้าเกิดการเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างไปในแนวทางที่ดี สร้างมุมมองที่เป็นบวกให้เกิดขึ้น เป็นต้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนิยมนำเสนอเนื้อหาโฆษณาสินค้าและบริการเพื่อจูงใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยการสร้าง Content คุณภาพไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบทความ ข้อความบน Social Media หรือ Video สร้างสรรค์  นอกจากจะโฆษณาแล้วยังต้องแฝงด้วยเนื้อหาที่กำลังเป็นที่สนใจในช่วงนั้นเพื่อที่จะทำให้เกิดกระแสและถูกเผยแพร่ในวงกว้าง

4.ใช้เครื่องมือค้นหาทาง Website ให้เหมาะสม

     แม้ว่าภาพลักษณ์และ Function ของ Website จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลแล้ว คุณเองก็ต้องมั่นใจด้วยว่า Website ของคุณสามารถเข้าถึงได้ง่าย บางครั้งกลุ่มผู้ใช้งานออนไลน์ไม่สามารถจำชื่อหรือรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจต่าง ๆ ได้ พวกเขาจึงพิมพ์สิ่งที่พวกเขากำลังมองหาลงในช่องแถบการค้นหาและคลิก 4-5 รายการแรกบนหน้าผลการค้นหา

     หาก Website ของคุณไม่ติดอันดับหรืออยู่บน 2 หน้าแรก คุณอาจจะไม่มีผู้เข้าชม Website แม้แต่คนเดียวไปหลายเดือน เพราะฉะนั้น จึงควรทำงานร่วมกับบริการ SEO หรือใช้บริการเพื่อโปรโมทบริษัทจาก Agency ที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ชื่อธุรกิจของคุณแสดงอยู่ในอันดับต้น ๆของหน้าผลการค้นหา นอกจากนี้ในโลกของการทำธุรกิจในยุคนี้จะต้องรอบคอบและรอบรู้ มีกลยุทธ์ในการวางแผนที่ดี หากคุณไม่อยากล้มเหลวในเส้นทางนี้เพียงเพราะคุณมีคู่แข่งทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่า ศึกษาแนวคิดธุรกิจจากที่ปรึกษาธุรกิจมืออาชีพได้ที่ 4 ขั้นตอนสำคัญ นำไปสู่แนวคิดธุรกิจยั่งยืน

       อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการให้ธุรกิจขนาดเล็กของคุณเติบโตในโลกดิจิทัล (Digital) เห็นได้จากธุรกิจชิปปิ้งที่กำลังเติบโตมากในปัจจุบัน คุณต้องเพิ่มสิ่งเหล่านี้ลงไปในขั้นตอนการทำงาน เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงและดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานออนไลน์ (Online) ให้ได้ หากคุณอยากทราบว่าทำไมธุรกิจในยุคดิจิทัล (Digital) ถึงก้าวกระโดดไปไกลกว่าธุรกิจแบบเดิม สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ ธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งการเลือกใช้บริการบริษัทที่ให้บริการและอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี อย่าง Paper shipping ที่ให้บริการชิปปิ้งสินค้าจากจีนครบวงจร รวมทั้งทำพิธีผ่านศุลกากรและมีระบบติดตามสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง สามารถช่วยให้การขนส่งหรือชิปปิ้งสินค้าและการทำธุรกิจของคุณราบรื่น ได้คุณภาพและประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว

ล้อมกรอบ

Q : SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร?

A : SEO กับ SEM คือวิธีหลักในการทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือค้นหาบน Internet โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือการทำให้ Website ติดอันดับต้นๆ หรือหน้าแรกในเว็บ Search Engine เมื่อมีการค้นหาโดยใช้ Keywords ที่กำหนดไว้ ซึ่งมีหลักการที่แตกต่างกันเล็กน้อยคือ

– SEM คือการทำการตลาดแบบ Search Advertising เป็นรูปแบบของการโฆษณาไม่จำกัดจำนวน Keywords ใช้เวลาตามระยะเวลาในการทำแคมเปญ (Campaign) สำหรับทำให้ Website ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาสามารถแสดงผลการค้นหาตามช่วงเวลาตามที่กำหนดไว้ได้และเสียค่าใช้จ่ายแบบ PPC (Pay Per Click) โดยจะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อมีการคลิก Website ที่ทำการโฆษณาเท่านั้น

– SEO คือการทำการตลาดแบบ Natural Search เป็นการทำการตลาดที่เจ้าของกิจการสามารถทำได้ด้วยตนเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญก็ได้ มักใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไปสำหรับการทำให้ Website ติดอันดับการค้นหาในลำดับต้นๆ การแสดงผลลัพธ์ของ Website จะเหมือนกันทุกครั้งที่ค้นหา และแสดงผลลัพธ์การค้นหาตลอดเวลาโดยไม่จำกัดกลุ่มเป้าหมาย แต่จะจำกัดจำนวน Keywords ประมาณ 1-10 คำและไม่เสียเงินเมื่อมีการเข้าชม Website